[Special Scoop] ตามรอย DENON ตะลอน Tokyo เที่ยวงานหูฟัง กับมหาจักร Episode 1


Episode 1

 ตามรอย DENON 





โหลๆๆ โหลๆๆ เสียงริงโทนพร้อมหน้าเจ้าเบียสลอยเด่นอยู่บนไอโฟนแบตเสื่อมนานแล้วของผม
"เฮีย เฮีย มหาจักรเค้าบอกมาว่าจะชวนเราไปเที่ยวงานหูฟังที่โตเกียวด้วยกัน และทางบริษัทเดนอนที่ญี่ปุ่นเค้าอยากเชิญเราไปเยี่ยมเค้าด้วยล่ะเฮีย" เสียงเจ้าเบียสกระเส่าเหมือนคนเป็นโรคหอบหืดเรื้อรังด้วยความตื่นเต้น

ผมบอกไอ้เบียสว่าสงสัยคงไม่ได้ว่ะ พักนี้ได้เลื่อนเป็นนักโทษเด็ดขาด ตกเย็นก่อนเข้าแดนต้องสวดมนต์เย็นและตีตรวนขนาด 6 หุนว่ะเบียส ผมฝากเจ้าเบียสกลับไปขอบคุณลูกพี่ แต่อีกพักเดียวไอ้เบียสรีบกระหืดกระหอบโทรบอกว่า งานนี้สำคัญพลาดไม่ได้จริงๆว่ะเฮีย ทางมหาจักรบอกว่าให้แก้ปัญหาด้วยการเอาพัสดีไปด้วยก็แล้วกัน!!

อะจึ๋ยๆๆๆ
 
 แล้วการเดินทางก็เริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งจนได้ครับ ทางบริษัทมหาจักรบอกผมมาว่า ทางเดนอนสนใจอยากแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจหูฟังในเมืองไทย และอยากได้จากคนขายจริงๆ อยากได้มุมมองและอยากทราบพฤติกรรมของคนไทย และอยากให้ผมช่วยกันร่วมวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ร่วมกัน

ผมบอกว่าสงสัยทาง denon อาจจะคิดผิดแล้วงานนี้ เพราะคนไม่เอาถ่านเอาแต่ก๊าซ NGV แบบผมไม่น่าจะรู้ได้ถึงขนาดนั้น แต่แล้วผมสัมผัสได้ว่ามีพลังงานอะไรบางอย่างถีบตูดผมแล้วกระซิบข้างหูว่า มึงต้องรู้ !!! 555



 ผมรีบหูตาเหลือกรีบทำเสื้อมั่นคง รุ่นฉุกละหุกทันที เพราะคราวนี้ทางผู้ใหญ่ของมหาจักรบอกว่า จะชวนผมเลยไปงานหูฟัง Tokyo Headphone Festival 2014 ด้วยกันซะเลย เพราะว่าตลาดหูฟังญี่ปุ่นในช่วงปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นมาก และมากกว่าประเทศไทยมากมายนัก เลยมีแนวคิดร่วมกันว่า ทำอย่างไรประเทศไทยถึงจะสามารถก้าวขึ้นไปทัดเทียมกับทางฝั่งญี่ปุ่นและ ทางอเมริกาได้ อาจจะต้องร่วมมือกับทุกๆผู้นำเข้าในประเทศไทยมาหารือร่วมกัน อาจจะต้องมีการจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าว หรือเสริมความรู้ความเข้าใจให้กับนักเล่นเพิ่มขึ้นไปอีกล่ะจ้าๆๆๆ



ผมตะกายขึ้นไปนอนชั้นที่สามสิบกว่า โรงแรมย่านชินจูกุ ซึ่งถ่ายรูปลงมามองแล้วได้อารมณ์ดีมากครับ สิ่งปลูกสร้างของญี่ปุ่นนั้นมีอะไรแปลกๆที่หาดูได้ยากจากประเทศอื่นเหมือนกัน 555

สกู๊ปนี้ ผมจะเล่าไปเรื่อยๆนะครับ อาจจะมีพักนอนบ้างอย่าว่ากันล่ะ เพราะงวดนี้มีเรื่องที่อยากเล่าให้ฟังเยอะมากๆๆๆๆ รวมถึงมีรูปและภาพร่วมๆสามร้อยรูป ซึ่งน่าจะใช้เวลาเล่าซัก 2 วันน่าจะจบได้ล่ะครับงานนี้ เอ้า ดูรูปนี้ก่อน



วันนี้ ตามกำหนดการ คณะเราทุกคนจะไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของบริษัทเดนอนกันก่อน ผมตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะจริงๆแล้วเดนอนนั้นเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่คนไทยเล่นและซื้อกันมานาน นานระดับหลายๆสิบปีเลยก็แล้วกันว่างั้น
 
  <<< ย่านชินจูกุ น่าจะคล้ายๆย่านปทุมวันบวกกับราชประสงค์ แต่มีขนาดวงและถนนที่คู่ขนานกันไปเยอะมากๆๆๆ ร้านค้าต่างๆมากมายจนเดินขาเป๋ได้ หรืออาจจะทำให้ลูกกะตาของนักช็อปปิ้งตาเหล่ได้อีกเช่นกันครับ 555 


ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่อากาศดีทีสุดของญี่ปุ่นแล้วครับ คือแดดดีแต่อากาศไม่ร้อน ลมโกรกโชยความเย็นผสมพอให้ชื่นใจ ผมกับเจ้าเบียสเดินออกมาตากลมหน้าตึก ในใจต่างก็คิดว่า อากาศดีแบบนี้ เราอย่าไปเดนอนกันเลย นอนหลับให้สบายในโรงแรมกันดีกว่า เห็นแดดแบบนี้ อากาศไม่ร้อนเลยนะครับ สบ๊าย สบายๆๆๆๆ >>>



ตอนนี้เราเดินออกจากโรงแรมเพื่อจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้ากัน บอกตามตรงผมกับเจ้าเบียสนั้นคล้ายๆกะเหรี่ยง คือเอามาปล่อยในเมืองหลวงแบบโตเกียวแล้วให้นั่งรถไฟฟ้าเอง มีหวังร้องไห้โฮ เพราะว่าอะไร เดี๋ยวคอยดูภาพต่อๆไปเรื่อยๆนะครับ


  

<<< อันนี้ขอหลบแดดมาอยุ่ในซอยซะหน่อย คนญี่ปุ่นนั้นแปลกครับ ช่วงเช้าๆเวลาจะทำงาน เค้าจะรีบเดินจ้ำๆไม่คุยกันเลย ไม่ใช่ทุกคนกลัวว่าจะสาย แต่ผมว่าเค้ามีความมุ่งมั่นว่านี่ต้องไปทำงาน ทุกอย่างต้องไม่ทำเล่นๆๆกันล่ะ 555








คนญี่ปุ่นไปไหนใช้เดินเอา>>>
 เดินๆเข้าไป อย่าได้ถอย มวลชนคอยเอาใจช่วยอยู่ จ๊ากๆๆๆ 555 คนญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยใช้รถส่วนตัวเหมือนคนไทย ผมว่าเค้ามีความคิดล่วงหน้าแบบนี้มานานหลายๆๆสิบปี ความอยากที่จะมีรถส่วนตัวไม่น่าจะมีกันเท่าไหร่
 

ต่างจากคนไทยที่คนไทยหนึ่งคน ฝันอยากจะมีรถส่วนตัวกันคนละหลายๆคัน ทั้งๆที่ไม่มีตังค์จะเติมน้ำมันก็ตามที 555


มาแล้ว ผมกับเจ้าเบียสโผล่ขึ้นมาบนรถไฟฟ้าจนได้
 


ที่ญี่ปุ่นนั้นระบบรถสาธารณะของเค้านั้นวางผังไว้ซับซ้อนมากๆ เรียกว่าคนโง่อย่างผมหมดสิทธิ์ใช้ครับ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย กะอีแค่นั่งรถไฟบีทีเอสของไทย ผมยังนั่งผิดฝั่ง ตั้งใจจะไปช่องนนทรี เผลอแป๊บเดียวอ้าวเฮ้ยถึงสถานีพญาไทได้ไงวะเนี่ย 555

เปิดตัวพระเอกคนใส่สูทกันก่อนครับ ในภาพที่สวมสูทยืนยิ้มแต้นั่นคือคุณ Joe Yuzuru Inoue ซึ่งชื่อที่เค้าตั้งให้เรียกกันง่ายๆคือโจ เรื่องราวของคุณโจนั้นมีอะไรขำๆมากมายจริงๆในทริปนี้ โจมีตำแหน่งเป็น Manager, Business Development Asia and Ocenia ของบริษัท D&M Holdings Inc. นั่นเอง

ส่วนคนที่ยืนถัดไปไม่ใช่พระเอกแต่เป็นผู้อำนวยการสร้าง คือสามารถเตะพระเอกได้อีกทีนึง 555 นั่นก็คือคุณเกษมสิน กาญจนชัยภูมิ บอสท่านหนึ่งของ บ.มหาจักร ซึ่งบรรทัดต่อไปผมจะเรียกสั้นๆว่า "คุณสิน" ก็แล้วกันครับ

 แล้วชีพจรก็ลงเท้า พวกเราขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองคาวาซากิ kawasaki หรือจะเรียกว่าเมืองคะวะซะกิก็ได้ครับ(ญี่ปุ่น: 川崎市) เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดคะนะงะวะซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 9 ของญี่ปุ่นครับ

สำนักงานใหญ่ของ denon อยู่แถวๆนี้ล่ะครับ ผมเองพยายามจดจำเพื่อจะได้มาเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านกันพอเป็นความรู้ติดติ่งหูไว้นิดๆก็ยังดีครับ ระยะทางผมจำไม่ได้ว่าไกลแค่ไหนจากโตเกียว แต่เราใช้เวลาน่าจะราวๆๆ 45 นาทีครับ
 ช่วงก่อนจะเข้าไปที่ออฟฟิตของ denon เจ้าโจพาพวกเราไปกินข้าวกันก่อน ในภาพที่เห็นหน้าตาทะเล้นคือไอ้โจ หรือคุณโจ ส่วนอีกคนรูปหล่อหน้าหยกคือคุณน้องเด่นแห่งมหาจักร ส่วนอีกสองตัวไม่ต้องบอกว่าใคร !!

จำได้ว่าตอนจะสั่งอาหาร ทุกคนบอกว่าเอาชุดเล็กๆก็พอเพราะยังอิ่มข้าวตอนเช้าอยู่เลย ร้านนี้เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง เมนูเด็ดน่าจะเป็นหมูดำทอดกรอบ ตอนเสิรฟมาถาดเบ้อเริ่ม แต่กินไปกินมาอ้าวเฮ้ย จานใหญ่ทำท่าจะไม่พอซะงั้น 555

อิ่มแล้ว อิ่มแล้ว ได้เวลาเดินกันไปที่ตึกของ denon ได้แล้วครับ ระหว่างทางเห็นรถคันเล็กคันนี้แล้วสะดุดตาปร้าดทันที เพราะว่ามันคือรถของเซเว่นที่เราคุ้นเคยนั่นเอง เมืองไทยเป็นเมืองเซเว่น คือถูกเซเว่นยึดหัวหาดไปหมด วันไหนเซเว่นบอกว่าขอปิดสามทุ่ม ผมว่าคงมีคนไทยออกมาประท้วงกันขนานใหญ่แน่ๆๆ 555



รถเซเว่นคันนี้เป็นรถใช้ไฟฟ้า และเซเว่นใช้ในการส่งสินค้าให้กับลูกค้าที่โทรสั่ง(ผมเดาเอา) เพราะเค้าดัดแปลงให้มีที่ใส่ของได้ในระดับนึง แต่ไม่ได้มากมายอะไรนัก

ตึกเกมส์เซ็นเตอร์ เฉพาะ 18+ จ้าาา
ที่เห็นตรงหน้านี้คือตึกเก่าๆๆสนิมเขรอะ ผมดูไกลๆก็รู้สึกแบบนั้น คือเป็นตึกที่สนิมจับจนเกรอะ น็อตดำ ดูผุพัง แต่พอเราเดินไปใกล้ๆ อ้าวเฮ้ย มันเป็นตึกที่เพ้นท์ทั้งหลังให้เป็นเหมือนโกดังเก่าๆ ดูแล้วออกแนวโรงงานด้วยซ้ำ เจ้าโจบอกกับเราว่ามันคือตึกเกมส์เซ็นเตอร์ และห้ามคนอายุต่ำกว่า 18 เข้าเด็ดขาด

โจบอกผมว่าเพราะเด็กต่ำกว่า 18 ขาดความยั้งคิด เล่นเกมส์แล้วติดไม่ยอมเรียน ซึ่งตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นเฉพาะที่ไทยที่เดียวซะอีก 555

 อยู่ตรงปู๊น ที่เห็นผมกับเบียสชี้โบ๊ชี้เบ๊ก็คืออาคารใหญ่ของ denon ครับ ถ้ามองให้ดีๆๆจะเห็นว่าทางฝั่งซ้ายเป็นตรา marantz และทางฝั่งขวาติดตรา denon หลายคนอาจจะสงสัยว่าอ้าว มันคนละยี่ห้อกันไม่ใช่เหรอ ตอบว่าใช่ครับ ทุกวันนี้สินค้าทั้งสองแบรนด์นี้ก็ยังมีปรัชญาการออกแบบที่ต่างกันอยู่ แต่จะต่างกันตรงไหน เดี๋ยวอ่าน ต่อไปเรื่อยๆจ้าๆๆๆ 
  ซูมเข้ามาอีกหน่อย จะเห็นตัวอักษรเหน่งๆเบ้อเริ่มว่า DENON ครับ ใครที่เป็นนักเล่นเครื่องเสียงถ้าไม่รู้จักแบรนด์ DENON สงสัยอาจจะหลับไปเหมือนพระเอกในหนังไซไฟแล้วเพิ่งตื่นมา เพราะว่า DENON นั้นเป็นแบรนด์เก่าแก่ และเผลอๆน่าจะเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดแบรนด์หนึ่งเลยก็เป็นได้ ครับ
เย้ๆๆๆ ถึงแล้ว หน้าออฟฟิตจะมีป้ายว่า D&M ซึ่งตอนแรกผมก็สงสัยว่าทำไมบริษัทเดนอนถึงไม่ใช้คำว่าเดนอน แต่สอบถามกับบักโจแล้ว บักโจบอกว่า D ก็คือ Denon ส่วน M ก็คือ Marantz เมื่อนำมาผสมกันก็จะเป็น D&M นั่นแล...


บักโจบอกว่าแต่ก่อนคือคนละบริษัท แต่ตอนหลังมีบริษัทของฝรั่งเข้ามาควบรวมกิจการของทั้งสองเข้าด้วยกัน แต่การออกแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงวิศวะกรแยกจากกัน ต่างคนต่างออกแบบของแต่ละแบรนด์ล่ะครับ

เดินเข้าไปถึงบริษัท สิ่งแรกที่เห็นทันทีคือป้ายต้อนรับ เขียนว่ายินดีต้อนรับมั่นคงและเบียสจากมั่นคงแก็ดเจ็ท ซึ่งผมเห็นป้ายแล้วกระดากยังไงชอบกล คือผมเห็นป้ายแบบนี้แล้วรู้สึกว่าสงสัยงานนี้เป็นทางการและซีเรียสเอาจริงแน่ๆๆเลยวุ๊ย


ผมใส่กางเกงขาสั้น เจ้าเบียสก็ขาสั้น แต่งตัวสะพายกระเป๋าดูรุ่มร่าม ทำให้หวั่นๆๆว่างานนี้ตูจะทำให้เสียชื่อคนไทยหัวใจรักชาติซะแล้ว แต่แล้วก็นึกในใจว่าช่างหัว การเป็นตัวของตัวเองในทุกๆสถานะการณ์นั่นแหละดีที่สุดครับ 555

 
พอผมเดินเข้าห้องประชุม ทางญี่ปุ่นเค้าก็เคลื่อนขบวนเข้ามาทีละคนจนเต็มห้อง นับได้สิบกว่าคน เดินเข้ามาแล้วยืนเรียงแถวแนะนำตัวเองให้กับคณะของเรา ผมเองสงสัยว่าเค้าเตรียมอะไรมากมายขนาดนี้ เลยสะกิดถามกับคุณสิน

คุณสินบอกว่าเค้าดีใจและตื่นเต้นที่ผมมา เพราะว่าก่อนที่ผมจะมาทางเดนอนร้องขอกับคุณสินว่าอยากให้คุณสินพาคนที่คลุก คลีกับคนเล่นหูฟังมาให้ได้ ซึ่งคุณสินบอกว่ามีอยู่สองตัว เอ๊ย สองคน ซึ่งทั้งสองตัวก็คือผมกับเจ้าเบียสนั่นเอง 555

ผม พิมพ์นามบัตรใหม่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ตั้งใจว่าคงต้องไปใช้ในงาน Tokyo Fes และที่ denon ซึ่งเป็นนามบัตรที่ไม่มีตำแหน่ง คงมีแต่ชื่อโกร๋นๆว่า Munkong (Kamol) ในวงเล็บคือชื่อจริง เลยลงไว้หน่อยนึง

ผมไม่อยากลง ตำแหน่งงานเพราะจริงๆก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำงานตำแหน่งอะไรไม่ว่านามบัตรไทย หรืออังกฤษ 555 และผมว่าการมีตำแหน่งเท่ๆนั้น อาจจะทำให้เพื่อนๆน้องๆที่อุดหนุนกันอยู่รู้สึกห่างเหินก็เพราะตำแหน่งเท่ๆ นี่ล่ะ สู้อยู่แบบนี้ดีกว่า มีอะไรถามได้ตอบได้ด่าได้ว่างั้น 555



เจ้าเบียสแอบแซว โธ่เฮีย ทำไมใช้หนังยางรัดแบบนั้นล่ะ เสียฟอร์มหมด ผมบอกเรื่องกู !!! 555


 <<<มา แล้ว มาแล้ว บักโจนั้นหลายคนจำชื่อได้แล้ว แต่ทางขวาที่เห็นคือเจ้านายของบักโจอีกทีนึง ที่เห็นเหมือนคนญี่ปุ่นนี้นั้น จริงๆคืออเมริกันแล้วครับ เพราะตามที่ฟังมาน่าจะเกิดและใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา และเห็นดูวัยรุ่นแบบนี้ตำแหน่งถึง Vice President เลยล่ะครับคุณ Kamiya หรือชื่อเล่นๆว่า Tomo ครับ มาเป็น Head ใหม่ให้กับทาง denon ซึ่งแน่นอนล่ะครับ ว่าเรื่องวิสัยทัศน์ มุมมองนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆๆ ส่วนไหนดีอนุรักษ์ไว้ ส่วนไหนไม่ดีปรับเปลี่ยนกันใหม่ ถึงลูกถึงคนล่ะครับ...

 แต๋ แน แต๋แน 555>>>
ที่เห็นอย่านึกว่าคือขุนอินทร์แห่งเรื่องระนาดเอกภาคญี่ปุ่นนะครับ แต่ท่านนี้คือ webmaster ของ denon ล่ะครับ นึกแล้วขำ คือถ้าให้มายืนแถวตอนเรียงหนึ่งแล้วให้ผมทายว่าคนไหนทำงานตำแหน่งอะไร ผมว่าผมสามารถเดาได้ว่าคนไหนน่าจะทำงานเกี่ยวกับอะไร อย่างเช่นท่านขุนอินทร์คนนี้ ดูยังไงก็เป็น webmaster สังเกตุง่ายๆคือมีลักษณะศีรษะใกล้เคียงกับผมนั่นเอง 555

ทาง คณะของเราที่มาเยี่ยมและจะประชุมกับทาง denon วันนี้มีด้วยกัน 5 คน คือผมกับเจ้าเบียส ส่วนทางมหาจักรก็จะมีคุณสิน คุณกิต (ท่านที่นั่งอยู่)และคุณเด่น ส่วนทาง denon มากันสิบกว่า ที่เห็นยืนในห้องนี่ร่วมสิบ และซุ่มโป่งอยู่ด้านนอกน่าจะมีอีกเยอะ
 
งานนี้ถ้าพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นผมคงพูดไม่ถูก แต่พูดเป็นจีนก็ออกแนวประมาณว่า "โหง่วนั้งพะยี่จับนั้ง" ล่ะครับ 555 


ทุกคนต่างงัดนามบัตรออกมาแลกกันครับ ตอนแรกผมก็โง่ๆหน่อย ยื่นมอบให้และก้มหัวโค้งคำนับ แต่พอแอบฟังญี่ปุ่นเวลารับนามบัตร ทุกๆคนจะท่องเป็นอาขยานว่า ไนซ์ ทู มีท ยู หรือ Nice to meet you หรือยินดีที่ได้รู้จัก แต่ถ้ารู้จักกันแล้วเค้าจะไม่พูดกันคำนี้นะครับ เค้าจะใช้คำว่า Nice to see you หรือยินดีที่ได้พบกัน(เห็นกัน)ว่ะ 555

ผมเห็นเค้าร้องก็ร้องมั่ง.....ไนซ์ ทู มีท ยู - ไนซ์ ทู มีท ยู - ไนซ์ ทู มีท ยู (3 times แล้วก้มกราบ) 555

 แล้ว ก็ถึงคิวของบักโจ (จริงๆอยากเรียกบั๊กโจ้ แต่อย่าเลย) บักโจเปิดไฟล์พรีเซ้นเทชั่นของทาง denon ในทริปนี้ผมบอกตามตรงว่าบักโจนี่คือพระเอก ถ้าเจ้านายมาอ่านเจอผมขอเสนอให้ปูนบำเหน็จให้สามขั้น และให้แบ่งที่นาให้อีก 2 แปลง

เพราะ ว่าบักโจนั้นเป็นคีย์แมนของทุกอย่าง คือคอยประสานงาน คอยรับส่ง พากินข้าว และอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งมีอะไรบ้างเดี๋ยวเราตามดูกันครับ 555

 แบรนด์ DENON นั้นถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1910 หรือประมาณ 104 ปีแล้ว ซึ่งถ้าดับจริงๆต้องถือว่าเป็นศูนย์หน้าจอมเก๋าของญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งจริงๆไม่ใช่คนญี่ปุ่น แต่น่าจะเป็นคนอเมริกัน แล้วกิจการค่อยๆปรับเปลี่ยนผู้บริหาร รวมถึงปรับเปลี่ยนชื่อที่ใช้ในยุคแรกๆจนมาลงตัวที่คำว่า DENON ในปี 1947

คำว่า DENON คือคำสนธิระหว่างคำว่า Denki กับ Onkyo เลยเหลือง่ายๆว่า DENON ซึ่งปี 2002 ก็มีการควบรวมเข้าด้วยกันระหว่าง Denon กับ marantz โดยบริษัท D&M ตามที่ผมเรียนไว้ในข้างต้นล่ะครับ

บักโจโชว์ต่อ เค้าค่อยๆอธิบายความเป็นมาของหูฟัง denon ก่อน คือวันนี้ที่เราไปไม่ใช่ไปโรงงานบัวหิมะนะครับ คือคนขายมาพูดคร่อกๆๆสุดท้ายก็ขายยา แต่อันนี้เค้าจำเป็นต้องเล่าทุกอย่างให้เราทราบโดยละเอียดก่อน แล้วพอเราทราบแล้วคราวนี้เค้าถึงจะเปิดการ discussion ในช่วงหลัง

บักโจบอกว่าที่เห็นทุกอย่างในวันนี้ เค้าเตรียมตัวมาพรีเซ้นท์หาข้อมูลให้ครบถ้วนนานเกินกว่า 1 เดือน ระหว่างทำงานบักโจไม่มีการทะลึ่งทะเล้น ตั้งใจทำงานตลอด สมควรปูนบำเหน็จที่นาเพิ่มให้อีก 2 ไร่ว่างั้น 555


หลังจากที่บักโจเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัทให้ฟัง เราก็ถึงบางอ้อทันทีว่า เจ้าที่คิดค้นทำดิจิตอลเป็นรายแรกของญี่ปุ่นก็คือ Denon นั่นเองครับ พอทราบทุกอย่างครบถ้วนแล้ว เราก็ย้ายไปในห้องที่เป็นไฮไลท์ที่สุดห้องหนึ่ง นั่นก็คือห้องทดสอบเสียง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น